แม่สุนัขที่ตั้งท้องส่วนมากลูกในท้องจะมีจำนวนมากกว่า 1 ตัว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์หรือพันธุกรรมของสุนัข ถ้าเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก เช่น พุดเดิ้ล ชิวาวา มิเนียเจอร์ เทอร์เรีย ปอมเปอร์เรเนียน มักจะตกลูกน้อย ประมาณ 2-4 ตัว ถ้าเป็นสุนัขพันธุ์กลาง-ใหญ่ เช่น พันธุ์ไทย บ๊อกเซอร์ ร็อตไวเลอร์ เยอรมันเช็พเพอด เซนต์เบอร์นาร์ท มักจะตกลูกมาก ประมาณ 5-7 ตัวขึ้นไป
ดังนั้น ลูกสุนัขในแต่ละครอกยิ่งมีจำนวนมากก็ย่อมมีความแตกต่างของขนาดตัวเกิดขึ้น อันเนื่องมาจากตัวที่แข็งแรงกว่า ใหญ่กว่า ก็แย่งกินนมแม่ได้มากกว่าเก่งกว่าตัวที่เล็กกว่า ด้วยเหตุนี้จึงต้องเป็นหน้าที่ของผู้เลี้ยงที่มีความละเอียดและให้ความสนใจอย่างมากต่อการเลี้ยงดู เพื่อประสงค์ให้ลูกสุนัขแต่ละตัวได้รับอาหารอย่างเหมาะสมทั่วถึง
การเลี้ยงดูและให้อาหารลูกสุนัขที่ดีนั้น ควรให้กินเป็นกลุ่ม 3-5 ตัว ต่ออาหารจานหนึ่ง เพื่อให้สุนัขแย่งกันกิน อันเป็นการเพาะนิสัยให้กินเร็วเสียตั้งแต่เยาว์วัย ส่วนการเฉลี่ยการกินนั้นใช้วิธีการให้ผู้เลี้ยงควบคุมการกินโดยใกล้ชิดในแต่ละมื้อ เรื่องการเฉลี่ยการกินนี้ควรจะย้อนกล่าวถึงการกินนมแม่ในวัย 7-21 วันอีกครั้งหนึ่ง โดยปกติลูกสุนัขที่เกิดมานั้นมีขนาดของร่างกายแตกต่างกัน และความต้องการที่แท้จริงต้องการให้ลูกสุนัขในครอกมีขนาดร่างกายใกล้เคียงกัน ดังนั้น ในขณะกินนมแม่ ผู้เลี้ยงจึงควรกำกับให้ตัวที่อ่อนแอหรือตัวเล็กได้มีโอกาสกินนมแม่มากขึ้นเพื่อเสริมความเติบโตให้ทันตัวอื่นๆ ซึ่งการเฉลี่ยเข้ากินนมแม่กับการเฉลี่ยเข้ากินอาหารในวัย 22-56 วัน จึงเป็นการกระทำที่ต่างวัตถุประสงค์กัน
การที่ผู้เลี้ยงพยายามแบ่งมื้ออาหารให้มากครั้งในวันหนึ่งนั้น เพราะมีเหตุผลว่า ลูกสุนัขวัยเล็กๆนั้นกินอาหารมาก เมื่อเทียบกับสุนัขโตคือกินถึง 20% ของน้ำหนักตัว ทั้งๆที่สุนัขโตจะกินเพียง 5% ของน้ำหนักตัวเท่านั้น และเมื่อลูกสุนัขต้องกินอาหารมาก น้ำหนักอาหารและน้ำหนักพยาธิทำให้โครงหลังรับกำลังเกินตัวอยู่เป็นเนืองนิตย์ ลูกสุนัขทุกตัวที่มีชีวิตรอดเมื่อโตขึ้นหลังมักจะแอ่นแทบทั้งสิ้น ด้วยเหตุดังกล่าวนี้จึงจำเป็นต้องแบ่งอาหารออกไปถึง 4-6 มื้อ ในการเลี้ยงดูลูกสุนัขประจำวัน ในบางโอกาสลูกสุนัขอิ่มเกินไป แล้วถ้าเป็นเวลาอากาศร้อน ลูกสุนัขกินอาหารแล้วก็กินน้ำมาก ทำให้ร่างกายรับน้ำหนักมาก ผู้เลี้ยงอาจให้ลูกสุนัขนอนพักประมาณ 1 ชั่วโมง ยังไม่ให้วิ่งเล่น จวบจนได้ย่อยไปแล้วได้ถ่ายออกบ้างแล้ว จึงจะปล่อยวิ่งเล่นได้
สำหรับภาชนะใส่อาหารของลูกสุนัขนั้น ควรมีความใหญ่และความสูงพอเหมาะ ซึ่งจะให้ความสะดวกต่อลูกสุนัขในวัยนี้ใช้กินอาหาร ชามอาหารนิยมใช้แอ่นนูนตรงกลางเพื่อให้อาหารเทมาอยู่ขอบ อันป้องกันมิให้ลูกสุนัขปืนลงไปในชาม และชามใส่อาหารนี้เมื่อลูกสุนัขกินเสร็จแล้วให้นำออกมาทันที ไม่ปล่อยให้บูดเสียอันเป็นอันตรายต่อสุขภาพสุนัขเมื่อเลียเข้าไป
สำหรับการให้น้ำนั้นต้องควบคุมให้ดี เพราะบ้านเราอากาศร้อน สุนัขชอบกินน้ำบ่อย และมักจะเทน้ำด้วยตัวเองให้นองพื้นเพื่อให้เย็นจะได้นอนทับ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้น การให้น้ำดื่มที่ดีนั้น ผู้เลี้ยงก็ควรให้เป็นเวลา โดยเลือกเอาเวลาระหว่างกลางของมื้ออาหารจะเหมาะสม ที่เหมาะสมก็เพราะว่าน้ำจะไม่สร้างความอิ่มของสุนัขในขณะกินอาหาร ตามเกณฑ์นี้สุนัขได้รับน้ำเพียงพอแล้ว เพราะในวันหนึ่งได้ถึง 5-6 ครั้ง และน้ำจะไม่เป็นบ่อเกิดของความสกปรกที่สุนัขจะทำ จวบจนเมื่อลูกสุนัขโตพอควรแล้วจึงจะวางชามน้ำให้ไว้เป็นประจำ
"สายรุ้ง"